วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

UFO หรือ มนุษย์ต่างดาว มีอยู่จริง หรือ เป็นเพียงแค่ตำนาน

| No comment
ภาพถ่าย จากดาวเทียมนอกโลก จาก NAZA




มนุษย์ต่างดาวและ UFO มีจริงหรือไม่?
ในอดีต สำหรับวงการวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องมนุษย์ต่างดาว ถือเป็นเรื่องที่มีจริงเฉพาะในจินตนาการคือ ในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มาปัจจุบันนี้ คำตอบสั้นๆ ตรงๆ คือ เรา...มนุษย์โลก...น่าจะมิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล นั่นคือ ในอวกาศและจักรวาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนดาวเคราะห์ของระบบสุริยะอื่นๆ ที่มีอยู่มากมาย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดเกิดขึ้นได้ แต่จะพัฒนาถึงระดับเป็นชีวิตทรงปัญญาเรียกว่า มนุษย์หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพของสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกของเรา ก็เป็นไปได้มากว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก และจึงน่าจะพัฒนา คือมีระดับปัญญาสูงกว่ามนุษย์โลกเสียอีก ซึ่งหมายความว่า ในจักรวาล น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาถึงขั้นเรียกเป็นมนุษย์โลกได้อยู่มากทีเดียว

ทั้งนี้เพราะว่า ดาวเคราะห์โลก มีกำเนิดมาเพียงประมาณสี่พันหกร้อยล้านปี ในขณะที่จักรวาลมีกำเนิดมาเมื่อหนึ่งหมื่นสี่พันล้านปีมาแล้ว จึงต้องมีดาวเคราะห์ของระบบสุริยะอื่นๆ เป็นจำนวนมากทีเดียว ที่เกิดก่อนดาวเคราะห์โลกมาก สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์เหล่านั้น ก็จะต้องเกิดก่อนมนุษย์โลกเป็นเวลานาน อาจเป็นหลายพันล้านปี และชีวิตทางปัญญาบนดาวเคราะห์เหล่านั้นก็น่าจะพัฒนาทางปัญญามากกว่ามนุษย์โลกเป็นอย่างมาก



สรุปแล้ว มนุษย์ต่างดาวมีแนวโน้มว่า จะมีอยู่จริง แต่โอกาสที่มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่างหน้าตาและองค์ประกอบของร่างกายหรือชีวิตมนุษย์ต่างดาวที่เหมือนกับมนุษย์โลกนั้น มีอยู่น้อยมาก หรือจะกล่าวว่า ไม่มีโอกาสเหมือนมนุษย์โลกเลย ก็ได้






เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับยูเอฟโอที่โด่งดังที่สุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 โดยสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยูเอฟโอได้ตกลงที่ทะเลทราย ในเมืองรอสเวลล์ มลรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แต่ทางกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาอ้างว่าเป็นบอลลูนตรวจอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดเป็นทฤษฎีสมคบคิดมากมาย

มีภาพหลุดการผ่าตัดมนุษย์ต่างดาวออกมาเมื่อหลายปี แต่ทั้งหมดต่อมาก็มีการแฉว่าเป็นภาพการจัดฉากเท่านั้น

นายเคนเนธ อาร์โนลด์ ชาวอเมริกัน ผู้บัญญัติ คำว่า UFO (Unidentified FlyinObject ) หมายถึง วัตถุบินลึกลับไม่สามารถระบุสัญชาติได้ อ้างถึงวัตถุบินลึกลับที่เขาพบเจอบนท้องฟ้า ว่าเคลื่อนไหวคล้ายจานที่ร่อนไปบนผิวน้ำ เมื่อปี พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) เขาเชื่อว่าเป็นยานมนุษย์ต่างดาว


สำหรับเรื่อง UFO ซึ่งมักจะถูกผูกโยงเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้น จริงๆ แล้ว ก็แยกศึกษาจากเรื่องของมนุษย์ต่างดาวได้
โดยภาพรวม ปรากฏการณ์เรื่อง UFO หรือสิ่งบินลึกลับ เป็นปรากฏการณ์ที่มีอยู่จริง มีรายงานการพบเห็น UFO เป็นจำนวนมากมายทั่วโลกจริง

รวมทั้งในประเทศไทยด้วย แต่ในบรรดารายงานเรื่อง UFO เป็นจำนวนหลายหมื่นรายงานทั่วโลก เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด อย่างเป็นหลักเป็นฐานแล้ว ส่วนใหญ่ คือประมาณ 85% มิใช่สิ่งบินลึกลับแต่อย่างใด หากอธิบายได้ว่า เป็นปรากฏ-การณ์ธรรมชาติ หรือเป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับเรื่องภาพลวงตา เป็นแสงจากเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ หรือบัลลูน หรือยานทดลองของบางประเทศ หรือเป็นดาวศุกร์ รวมทั้งเป็นเรื่องของการสร้างฉากสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกลวงอย่างตั้งใจ

เช่น ใช้หมวกร่อนไปในอากาศ แล้วถ่ายภาพ หรือสร้างยานบินรูปร่างแปลกๆ หลอกๆ แล้วถ่ายภาพ






ในต่างประเทศ แบ่งมนุษย์ต่างดาวเป็น 6 กลุ่มตามรูปร่างลักษณะคือ 
1.เหมือนมนุษย์ 
2.คล้ายมนุษย์แต่ผิวหนังเป็นสีเทา
3.คล้ายสัตว์ 
4.คล้ายหุ่นยนต์
5.รูปร่างประหลาด
6.คล้ายผี


นี่คือ รูปทรงของ UFO ที่พบเห็นบ่อยที่สุด !







“รูปร่างคล้ายคนแคระ ไม่สวมเสื้อผ้า ระบุเพศไม่ได้ สูงประมาณ 

70 ซม. ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต ตาโตสีน้ำตาลเป็นมันวาว ไม่มีจมูก ปากบางเล็ก หน้าอกแบนราบ ลักษณะร่างกายไม่กลมมนเหมือนมนุษย์ ถ้ามองจากด้านข้างจะแบนราบ”

เห็นในเมืองไทยล่าสุด ที่ทุ่งนาพื้นที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า

อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ย. 2548 หลังจากที่คืนวันที่ 2 ก.ย.

มีการกล่าวอ้างว่าพบเห็นลูกไฟลึกลับตกพุ่งลงมาจากฟ้าในบริเวณดังกล่าว ไม่ใช่แค่คนเดียวที่อ้างว่าเห็นแต่เป็นสิบคน ไม่ใช่การอ้างว่าเห็นในระยะไกลแต่ใกล้แค่ประมาณ 10 เมตร และไม่ใช่อ้างว่าเห็นแค่บนพื้นดินแวบเดียวแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยแต่เห็นวนเวียนในท้องนาเหมือนหาอะไรอยู่เป็นชั่วโมง

ก่อนจะค่อย ๆ ลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นดินไปอยู่เหนือยอดไม้สูงประมาณ 10 เมตร จากนั้นก็หยุดแล้วหันหน้ามองลงมายังกลุ่มคนที่อ้างว่าเห็น ก่อนจะพุ่งลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับตาไป 

นี่คือลักษณะคร่าว ๆ ของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีคนอ้างว่าพบ

เรื่องราวเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” นั้น เป็นเรื่องชวนให้สนใจของผู้คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งในเมืองไทยเราก็มีบุคคลระดับ “นักวิชาการ” ให้ความสนใจ และบางคนก็ระบุว่า “เคยเห็น” หรือเคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง “จิต” หรือจากการฝึกทำ “สมาธิ” 

ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 เมื่อปลายปี 2547 ศ.ดร.เทพนมระบุไว้ว่า เคยได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวว่าเคยมาที่เมืองไทยตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว

และพบหลักฐานปรากฏอยู่ในถ้ำบนยอดเขาที่ จ.กาญจนบุรี เป็นภาพที่วาดโดยมนุษย์ถ้ำ ประมาณ 100 กว่าภาพ เป็นภาพ “มนุษย์ต่างดาวตากลมโต” ซึ่งทางกรมศิลปากรเอาหินในถ้ำไปตรวจก็พบว่ามีอายุประมาณ 5,000 ปี

ที่ จ.เชียงใหม่ ก็มีการระบุว่าจานบินของมนุษย์ต่างดาวเคยมาตกเมื่อต้นปี2541

ถึงขั้นสหรัฐส่งทีมมาสำรวจแต่ไม่พบ อย่างไรก็ตาม ศ.ดร. เทพนมบอกไว้ว่าได้

ไปลองหาจนเจออยู่ในเขตป่าสงวนฯ ! ไม่เท่านั้นยังมีการระบุว่าตอนที่ทางนา

ซามาประชุมในไทยที่มหาวิทยาลัยฯสุรนารี จ.นครราชสีมา ครั้งนั้นก็มีจานบินมาปรากฏ







สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่ง

ของมหาสมุทรแอตแลนติสภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนเหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดาและจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก 

จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมและอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด

ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเราในปัจจุบัน เป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอก ท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลก ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน

เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่องและเรือ เดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โดยไม่มีร่องรอย ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว

หรือเศษชิ้นส่วนใด ๆ ของเรือ หรือ เครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม- เบอร์มิวดา ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ชาติต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า หาสาเหตุ แห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่

มีอยู่หลายกรณีเกี่ยวกับการสืบสวนความลึกลับของเรื่องนี้ ที่เจ้าหน้าที่มุ่งตรงใน ประเด็นซึ่งเกี่ยวกับท้องทะเล โดยเฉพาะเพราะแม้ว่า เราจะอยู่ในสมัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ อวกาศก็ตาม แต่ความลึก ลับของท้องทะเล ยังคงเป็นสิ่งมืดมน สำหรับพวกชาวโลกอยู่ ก่อน อื่นเราจะต้องรับความจริงที่ว่า 3 ใน 5 ส่วนของพื้นใต้มหาสมุทร





เรายังรู้จักกันน้อยกว่า ปล่องภูเขาไฟในดวงจันทร์ หรือพื้นราบบนดาวอังคารเสียอีก เรามีแต่แผนที่ทางทะเล ที่เขียนขึ้นอย่างหยาบ ๆ จากการ สำรวจโดยใช้เสียงสะท้อนของโซน่า ใช้เครื่องดำน้ำลึก หรือเรือดำน้ำที่มีเขตจำกัดสำรวจได้เฉพาะพื้นน้ำที่ไม่ลึกนัก เท่านั้น และความประสงค์ ส่วนใหญ่ จะมุ่งเฉพาะการค้นหาแหล่งน้ำมัน และทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้นเอง 

เรายัง ไม่อาจจะทราบได้ว่า ในส่วนก้นบึ้งที่ลึกที่สุด มีอะไรที่จะสร้างความประหลาดใจ อย่างใหญ่หลวงให้แก่พวกเราบ้าง พื้นทะเลลึกและหุบเหวใต้ท้องทะเล อาจจะเป็นที่อาศัย ของสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองและฉลาดเกินกว่าเราจะคาดคิด ก็เป็นได้ 



ที่มา:http://bbs.playpark.com/
Tags : , ,

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

Follow on FaceBook

About GagBox

Site Links

Follow us on FaceBook

Popular Posts

ผู้ร่วมเขียน

AD (728x60)

Popular Posts

Accordition